ทัวร์อินเดีย เนปาล ทัชมาฮาล ชัยปุระ สี่พุทธสังเวชนียสถาน ล่องเรือแม่น้ำคงคา พระราชวังสายลม 9 วัน 7 คืน สายการบินไทย

08.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบินไทย (Thai Airways) โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับ อำนวยความสะดวกตลอดขั้นตอนการเช็คอิน และหัวหน้าทัวร์ให้คำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง
10.55 น. ออกเดินทางสู่เมืองคยา สาธารณรัฐอินเดีย โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 327 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที)
บนเครื่องบิน มีอาหารกลางวันบริการ
12.40 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงท่าอากาศยานนานาชาติเมืองคยา ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร เวลาอินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชม.
หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว รับกระเป๋าสัมภาระ
จากนั้นนำท่านออกเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศไปยังโรงแรมที่พัก นั่งรถประมาณ 15-20 นาที
ที่พัก เข้าที่พัก Hotel Anand / Hotel Dhamma Grand หรือระดับเทียบเท่า
จากนั้น นัดหมายเวลาพร้อมเพรียงกันที่ล้อบบี้
แนะนำ การแต่งกาย : ในพุทธสถานควรแต่งชุดสุภาพ รองเท้าแบบสวมถอดได้ง่าย เนื่องจากต้องถอดรองเท้าขณะเข้าไปในพุทธสถานโดยสามารถสวมถุงเท้าได้
(ไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารและอิเล็กทรอนิกทุกชนิดเข้าภายในบริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์ ท่านสามารถเก็บไว้ในกระเป๋าใบใหญ่ที่โรงแรม)
นำท่านออกชมบริเวณที่สันนิษฐานว่าเคยเป็นบ้านนางสุชาดา อุบาสิกาอุปถัมภกคนสำคัญของพระศาสนา บุตรสาวของคฤหบดีเศรษฐีแห่งตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ผู้ถวายข้าวมธุปายาสอันประณีต แด่พระบรมศาสดาก่อน การตรัสรู้ ถือเป็นภัตตาหารอันประณีตและยังความหมายต่อชาวพุทธถึงปัจจุบัน ชมริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ที่พระบรมศาสดาทรงอธิษฐานลอยถาดทองคำที่นางสุชาดาถวายพร้อมข้าวมธุปายาส ที่ท่าสุปปติฏฐะ
จากท่าน้ำนี้ท่านสามารถเห็นเจดีย์มหาโพธิ์ จากนั้นเดินทางไปยังบริเวณ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธสังเวชนียสถานที่ 1 ค่าธรรมเนียมกล้องถ่ายรูปบริเวณองค์เจดีย์พุทธคยา (ชำระที่หัวหน้าทัวร์)
กล้องถ่ายรูปธรรมดา 100 รูปี กล้องวีดีโอ 300 รูปี
เดินทางถึงบริเวณองค์พระมหาเจดีย์พุทธคยา ผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัยเรียบร้อยแล้วนำคณะกราบนมัสการพระพุทธเมตตาซึ่งประดิษฐานภายในพระมหาเจดีย์ และกราบสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์
จากนั้นนำชมสัตตมหาสถาน ธรรมสถานแห่งพระพุทธเจ้าเสวยวิมุติสุขหลังจากตรัสรู้ 49 วันทั้ง 7 แห่ง อันประกอบไปด้วย
1.“พระแท่นวัชรอาสน์” ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ทรงประทับเสวยวิมุตติสุขตลอด 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 1
2. “อนิมิสเจดีย์” ทรงยืนจ้องพระเนตรที่ต้นศรีมหาโพธิ์ โดยมิได้กระพริบพระเนตรตลอด 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 2
3. “รัตนจงกรมเจดีย์” ทรงนิมิตฐานจงกรมขึ้น แล้วทอดพระบาทจงกรม เป็นเวลา 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 3
4. “รัตนฆรเจดีย์” โดยเสด็จไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของต้นศรีมหาโพธิ์ และประทับนั่งขัดสมาธิในเรือนแก้วเหล่าเทวดานิรมิตถวาย ทรงพิจารณาพระอภิธรรมนั่น 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 4 และชมสถานที่จำลอง ที่สร้างขึ้นโดยรอบพระเจดีย์พุทธคยา พร้อมฟังการบรรยายถึงความสำคัญของสถานที่ต่าง ๆ และพุทธสถานที่สำคัญโดยรอบ อันได้แก่
5. เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิใต้ “ต้นไทร”เป็นเวลา 7วัน ใต้ต้นอชปาลนิโครที่พักของคนเลี้ยงแกะ ในสัปดาห์ที่ 5
6.เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิใต้ “ต้นจิกมุจลินทร์” ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นศรีมหาโพธิ์ ในสัปดาห์ที่ 6
7.เสด็จไปประทับใต้ “ต้นเกดหรือต้นราชายตนะ” ประทับนั่งเสวยวิมุติสุขตลอด 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 7 เป็นอันครบ 49 วันแห่งการพิจาณาธรรมด้วยองค์เอง เรียบร้อยแล้ว
นำคณะจาริกบุญสวดมนต์ทำวัตรเย็น บูชาพระรัตนตรัย และสวดมนต์บูชาสังเวชนียสถาน จากนั้นเชิญท่านทัศนาธรรม นั่งสมาธิปฏิบัติบูชาตามอัธยาศัย สมควรแก่เวลา นัดหมายเวลาเชิญท่านกลับโรงแรมที่พัก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก เข้าที่พัก Hotel Anand / Hotel Dhamma Grand หรือระดับเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นเชคเอ้าท์สัมภาระ ออกเดินทางสู่เมืองพารานสี นั่งรถประมาณ 5-6 ชั่วโมง ระหว่างทางมีจุดแวะพักอิริยาบถ เข้าห้องน้ำสะอาด
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
นำท่านวัดพุทธศรีลังกา ธรรมอนาคาริกธรรมปาละ ถือว่าเป็นวัดที่สำคัญ ของบุคคลผู้ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ในอินเดียให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง และพิเศษสำหรับผู้เดินทางชาวไทย พระภิกษุที่ดูแล ท่านจะยกพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในพระสถูปทองเหลืองวางบนศีรษะของเราแต่ละคนที่เดินเรียงกันเข้าไปสักการะ
เชิญท่านทำการอธิษฐานเป็นการส่วนตัว และทำบุญบำรุงพระพุทธศาสนา ถือเป็นการร่วมสร้างบารมีกับท่าน อนาคาริกฯ
จากนั้นนำท่าน เข้าชมวัดพุทธของไทย ที่วัดไทยสารนาท สักการะพระพุทธรูองค์ใหญ่ อันศักดิ์สิทธิ์ "พระพุทธรูปยืนปางประทานพร" ที่มีความสูงถึง 24 เมตร ประดิษฐานด้านหน้าพระอุโบสถ และในส่วนของพระอุโบสถก็มีลักษณะโดดเด่น ต่างจากรูปแบบพระอุโบสถวัดไทยในพุทธสังเวชนียสถานอื่นๆ กลางลานกว้างเป็นที่ตั้งที่สง่างามมาก เหมาะสำหรับผู้สัญจรไปมาจะเคารพกราบไหว้
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ที่ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก เข้าที่พัก Hotel The Fern / Hotel Pinnacle หรือระดับเทียบเท่า
ปลุกตื่น นำท่านไปยังริมฝั่งแม่น้ำคงคา คณะลงล่องเรือ (ใช้เวลาล่องเรือราวๆ40นาที) เพื่อชมพิธีบูชาพระสุริยะเทพ อาบน้ำชำระล้างบาป ของชาวฮินดูแท้ ที่มีความเชื่อว่าเป็น แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์เพราะไหลมาจากภูเขาไกรลาศ (Mt. Kailash) บนสรวงสวรรค์ (ตามสภาพภูมิศาสตร์แม่น้ำนี้ไหลมาจากเทือกเขาหิมาลัย ที่ราบสูงทิเบต)
โค้งแม่น้ำคงคานี้ มีความเชื่อทั้งทางฮินดูและพุทธ ท่านสามารถชมพิธีการบูชาของพารหมณ์ฮินดู บูชาพระศิวะเทพ เป็นพิธีศักดิ์ และมีการบูชานี้ในทุกวันริมฝั่งแม่น้ำคงคา ฟรี กระทงบูชา ต่อพระแม่คงคา และยังสามารถปลดทุกข์ ปล่อยโศก ปลงสังขารในโค้งน้ำศักดิ์นี้ ท่านจะได้ล่องเรือชมพิธีการปลงสังขารสุดท้ายชองชีวิตแบบฮินดู ที่ท่าเผาศพที่สืบต่อเนื่องซึ่งมีมานานกว่า 4,000 ปีโดยกองไฟที่เผาศพไม่เคยดับมอด (บริเวณท่าเผาศพนี้ห้ามถ่ายรูป) เรียบร้อยแล้วขึ้นรถ กลับโรงแรมที่พัก
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำชมเจาคันธีสถูป สถานที่พระพุทธองค์ทรงพบพราหมณ์ปัญจวัคคีย์ก่อนสำเร็จเป็นพระอรหันต์เป็นพุทธสาวก อันครบองค์สามแห่งพระรัตนตรัย สถูปทรงแปดเหลี่ยมนี้ถือว่าเป็นหน้าด่านของสารนาถตั้งอยู่บนเนินดินพูน สูงพิเศษ ซึ่งไม่ห่างจาก สถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนานัก ประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ
จากนั้นนำท่านกราบสักการะ ธรรมเมกขสถูป สถานที่แสดงปฐมเทศนา พุทธสังเวชนียสถานที่ 2 สถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงโปรดแสดงพระธรรมเทศนา บทสำคัญ มีชื่อว่า “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ผลแห่งการแสดงพระธรรมเทศนาครั้งแรกทำให้ท่านพระโกญฑัญญะผู้เป็นหัวหน้าของปัญจวัคคีย์ได้ดวงตาเห็นธรรมคือ บรรลุธรรม และขออุปสมบทเป็นพระสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ทำให้พระรัตนตรัยครบบริบูรณ์ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และต่อมาหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์อีกประมาณ 300 ปีเมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชได้หันมานับถือพระพุทธศาสนา ได้เสด็จมานมัสการสถานที่นี้ พระองค์ได้ทรงสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ไว้มากมายเพื่อเป็นอนุสรณ์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
นำท่านชมพระมูลคันธกุฏิของพระพุทธเจ้า เสาศิลาจารึกพราหมณีของพระเจ้าอโศก กลุ่มอิฐกุฏิ กว่า 100 หลัง ที่ขุดค้นและบูรณะโดยรอบ
นำคณะผู้จาริกบุญ สวดมนต์บทธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสูตร
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
เช็คเอ้าท์พร้อมสัมภาระ
จากนั้น ออกเดินทางต่อไปยังเมืองกุสินารา (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง) กุสินารา ( Kushinagar) อันเป็นที่ตั้งของสาลวโนทยาน พุทธสังเวชนียสถานแห่งที่ 3 ป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ในสมัยพุทธกาลชื่อแคว้นมัลละ 1 ใน 16 แคว้นของเขตการปกครอง อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำคู่กับเมือง ปาวา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก Hotel Om Residency / Hotel Lotus Nikko หรือระดับเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านสู่ สาลวโนทยาน พุทธสังเวชนียสถานที่ 3 ชมปรินิพพานวิหารและ กราบนมัสการ พระพุทธไสยาสน์ปางปรินิพพานเหมือนกับได้กราบนมัสการพระบรมศพของพระพุทธเจ้า จริงๆ และปรินิพานสถูป จากนั้นนำท่านขึ้นรถ ออกไปไม่ไกลไปนมัสการสถานที่ถวายพระเพลิงพระสรีระของ พระพุทธเจ้า ณ มกุฏพันธเจดีย์เมื่อท่านมายังสถานที่แห่งนี้แล้วจะรู้สึกสลดใจในการจากไปของพุทธบิดาแห่งชาวพุทธ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
เช็คเอ้าท์พร้อมสัมภาระ ออกเดินทางไปเมืองลุมพินี ประเทศเนปาล (ใช้เวลาเดินทาง 4-5 ชั่วโมง) ก่อนถึงชายแดนด่านตรวจหนังสือเดินทางออกจากประเทศอินเดีย เข้าสู่เนปาล แวะพักอิริยาบทวัดไทย 960 ได้เวลาสมควรเชิญท่านขึ้นรถ ถึงบริเวณด่านตรวจคนเข้า- ออกเมือง ฝั่งอินเดีย เชิญท่านลงสแกนนิ้วมือพร้อมลงตราออกจากประเทศอินเดีย
จากนั้นนับจำนวนรวมพลอีกครั้งเพื่อนำท่านขึ้นรถด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งประเทศเนปาล
โปรดสังเกตุ นาฬิกาบนโทรศัพท์มือถือ หรือ SMART WATCH จะปรับเวลาอัตโนมัติ
เวลาท้องถิ่นเนปาลช้ากว่าเวลาท้องถิ่นของประเทศไทย 1 ชั่วโมง 15 นาที และเร็วกว่าสาธารณรัฐอินเดีย 15 นาที
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม
ที่พัก โรงแรมที่พัก Hotel Asian Buddha / Hotel Landmark หรือระดับเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านกราบนมัสการสถานที่ประสูติ สวนลุมพินีวัน โดยการเปลี่ยนรถไปนั่งรถสามล้อเล็ก โดยบริการของชาวพื้นเมือง เมื่อลงรถแล้ว ท่านสามารถแวะห้องน้ำได้ที่ศูนย์บริการพักจากกการบริจาคของชาวไทย
หลังจากนั้น นำท่านเดินเท้า เข้าสู่พุทธสถานแห่งการประสูติกาล เชิญท่านถ่ายรูปบริเวณพระพุทธเจ้าน้อย ที่อัญเชิญจากประเทศไทย ประดิษฐานลานแห่งศรัทธา เพื่อนำรวมพลก่อนเข้าสู่สวนด้านในขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิหารมหามายเทวี (ใหม่) และเสาพระเจ้าอโศกที่มีขนาดความสูง 22 ฟุต 4 นิ้ว และมีข้อความอย่างสมบูรณ์เขียนด้วยภาษาพราหมี ว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระเจ้าอโศกเสด็จมาบูชา ในปีที่ 20 แห่งรัชสมัยของพระองค์ (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 13) ด้านในมหาวิหารมายาเทวีไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ แต่โดยรอบสวนลุมพินีวัน สามารถถ่ายรูปได้
โดยมีค่าธรรมเนียมกล้องดังนี้
กล้องถ่ายรูปธรรมดา ไม่เสีย กล้องวีดีโอ 10 USD / 800 รูปีอินเดีย / 400 บาท
นำคณะเข้าชม และ สักการะรอยบาทแห่งองค์ศาสดา เมื่อครั้งประสูติกาล ศิลาแห่งการกำเนิด โดยเข้าแถวพร้อมกับศาสนิกชนทั่วสารทิศ จากนั้นชมสระอโนดาด ที่น้ำไม่เคยแห้ง คณะสวสมนต์บูชาสถานที่ และเชิญท่านปฏิบัติบูชาตามอัธยาศัย
กลางวัน กลับโรงแรม รับประทานอาหารกลางวัน
จากนั้นเชคเอ้าท์สัมภาระ ออกเดินทางสู่ชายแดนเนปาล-อินเดียอีกครั้ง ตรวจลงตราออกจากเนปาล และเข้าสู่ประเทศอินเดียเรียบร้อนแล้ว เดินทางต่อไปเมืองลัคเนา (นั่งรถประมาณ 5-6 ชั่วโมง) นครลัคเนา เป็นเมืองหลวงของรัฐอุตรประเทศ ทางตอนเหนือของ อินเดียตั้งอยู่บริเวณใจกลางของรัฐ ริมแม่น้ำโกมาติ ห่างจากชายแดน เนปาลลงมาทางใต้ค่อนไปทางตะวันออก ประมาณ 350 กม. โดยเริ่มมีความสำคัญในปี ค.ศ. 1528 เมื่อถูกยึดครองโดยบาบูร์ ผู้ปกครอง ราชวงศ์โมกุลคนแรกของอินเดีย ภายใต้การปกครองของอักบาร์หลานชายของเขา ปัจจุบันมีประชากรหนาแน่นมาก ประมาณ 2.7 ล้านคน และถือเป็นประตูสู่การเรียนรู้ราชวงศ์โมกุล อีกหนึ่งวัฒนธรรมของประเทศอินเดีย
ค่ำ รับประทานอาหารที่ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก เข้าสู่ที่พัก Hotel Piccadilly / Hotel The Elite หรือระดับเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารโรงแรม
เช็คอ้าท์ สัมภาระ จากนั้นเดินทางออกชม เมืองลัคเนา ในช่วงเช้าอันสงบ
นำท่านชมซุ้มประตูเมืองหลวงรัฐอุตรประเทศ Rumi Darwaza อัญมณีทางสถาปัตยกรรมอันน่าหลงใหลที่กระซิบถึงเรื่องราวในยุค อวาดีอันรุ่งโรจน์ หนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงซึ่งมีสถาปัตยกรรมอันน่าหลงใหลและประวัติศาสตร์อันยาวนานที่จะทำให้คุณทึ่ง Rumi Darwaza ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลัคเนา ท่ามกลางการจราจรที่พลุกพล่านในแต่ละวันของลัคเนา โดยเป็นสัญลักษณ์ของนางฟ้าผู้พิทักษ์เหนือกาลเวลาที่ได้เห็นทั้งชัยชนะและความล้มเหลวของเมือง
จากนั้นชมพระราชวังแห่งลัคเนา Kaiserbagh Palace เป็นพระราชวังที่มีประวัติศาสตร์และความสำคัญของสถาปัตยกรรมในยุคของ Nawab (ผู้ปกครองของอาณาจักร Oudh หรือ Awadh) และมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และการปฏิวัติ อินเดียในปี 1857 ไกเซอร์บาคเป็นพระราชวังแห่งที่ 4 และแห่งสุดท้ายของนาวับที่ปกครองลัคเนา พระราชวังแห่งแรกเรียกว่า มัคชีภาวัน พระราชวังแห่งที่สองเรียกว่าดาว ลัตคานา และพระราชวังแห่งที่สามเรียกว่าจัตตาร์มันซิล พระราชวังไกเซอร์บาคถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2390 ในรัชสมัยของนาวับองค์สุดท้ายของลัคเนา
ระหว่างทางท่านจะได้ผ่านชม Chattar Manzil ลัคเนา เป็นสถานที่สำคัญที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีสถาปัตยกรรมที่งดงามตระการตา ถือเป็นพระราชวังที่สามแห่ง นาวาบ อันบ่งบอกถึงความเจิญรุ่งเรืองเมื่อครั้งจักรวรรดิโมกุล แพร่อำอาจขึ้นกระจายการปกครอง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
จากนั้น เดินทางสู่เมืองอัครา ใช้เวลาในเดินทาง 5 ชั่วโมง นครอัครา /อาครา (Agra) เมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมุนา ในรัฐอุตตรประเทศ ตั้งอยู่ห่างจากเมืองลัคเนาไปทางทิศตะวันตกเป็นระยะทาง 363 กิโลเมตร (226 ไมล์) และ 200 กิโลเมตร (124 ไมล์) ทางทิศใต้ของกรุงนิวเดลี ด้วยประชากรทั้งหมดประมาณ 1.6 พันล้านคน ทำให้อาคราเป็นเมืองที่มีประชากรมากในอันดับที่ 4 ของรัฐอุตตรประเทศ และอันดับที่ 23 ในประเทศอินเดีย
ค่ำ รับประทานอาหารมื้อค่ำที่ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก เข้าที่พัก โรงแรม Hotel Crytal inn / Hotel Crimson หรือระดับเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร
นำท่านเดินทางชมความงดงามของสถาปัตยกรรม 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตั้งอยู่บริเวณริมน้ำ ยมุนา ทัชมาฮาล (Taj Mahal) อนุสรณ์สถานแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่และนิจนิรันดร์ของกษัตริย์ซาจาร์ฮาลมีต่อพระมเหสี มุมตัส มาฮาล ซึ่งสวรรคตเนื่องจากการให้กำเนิดบุตรคนที่ 14 สถานที่แห่งนี้ใช้สำหรับเป็นที่ฝังพระศพของพระนางมุมตัสและกษัตริย์ซาจาร์ฮาล สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวและหินทรายสี ทัชมาฮาล ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อปีพุทธศักราชที่ 2526 หรือปีคริสต์ศักราช 1983 อาคารนี้ผสมผสานประเพณีการออกแบบของสถาปัตยกรรมอินเดีย-อิสลามและโมกุล โดยใช้โครงสร้างที่สมมาตรโดยใช้รูปทรงและสัญลักษณ์ต่างๆ ในขณะที่สุสานสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวฝังด้วยหินอัญมณีหลากสี (ด้านในทัชมาฮาล ห้ามถ่ายรูป)
นำท่านเที่ยวชม ป้อมอัครา Agra Fort เป็นป้อมปราการที่สร้างด้วยหินทรายสีแดง ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา พระเจ้าอัคบาร์สร้างขึ้นในปี คริสต์ศักราช 1565 และสร้างต่อเติมกันเรื่อยมาจนถึงรุ่นหลานคือ พระเจ้าซาจาร์ฮาล กษัตริย์ลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์โมกุล ซี่งปรับเปลี่ยนจากป้อมปราการทางทหาร มาเป็นพระราชวัง มีกำแพงสูงกว่า 20 เมตร และมีความยาว 2.5 กิโลเมตร สถานที่ที่กษัตริย์ซาจาร์ฮาลถูกขังโดยพระโอรสของพระองค์เอง ผู้มีพระนามว่า “ออรังเซบ” และใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต มองผ่านแม่น้ำยมุนาไปยังทัชมาฮาลที่ซึ่งมเหสีสุดที่รักของพระองค์ประทับอยู่อย่างนิรันดร์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
เช็คเอ้าท์สัมภาระ เพื่อเดินทางไปยังเมืองสีชมพู ชัยปุระ นั่งรถประมาณ 4 ชม. เมืองหลวงแห่งแคว้นราชาสถาน แคว้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศอินเดีย เมืองแห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี คริสต์ศักราช 1727 โดยมหาราชาไสวจัย ซิงห์ ที่ 2 ผู้สืบเชื้อสายแห่งราชวงศ์โมกุล โดยมีวัตถุประสงค์ของการสร้างเมืองชัยปุระเพื่อเป็นการแทนที่วังเดิม อันมีสาเหตุมาจากจำนวนประชากรเกิดสภาวะขาดแคลนแหล่งน้ำ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
ที่พัก เดินทางเข้าที่พักโรงแรม Hotel Seven Apple / Hotel KK Royal หรือระดับเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารที่ห้องอาหารขอโรงแรม
จากนั้นเชคเอ้าท์ สัมภาระ
นำท่านผ่านชม พระราชวังชาลมาฮาล (JAL MAHAL) หรือพระราชวังลอยน้ำ ซึ่งถูกสร้างโดยพระราชดำริของมหาราชา โดยพระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทะเลสาบมานซาโลวาร์ (MAAN SAROVAR LAKE) เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ที่มีฉากหลังเป็นแนวเขาอราวัลลี่ (ARAVALLI HILL) เป็นแนวป้องกันทางธรรมชาติที่มีศาสนฮินดูสถานและป้อมปราการเรียงรายอยู่ตามแนวเขา
นำท่านเที่ยวชม ฮาวามาฮาล (HAWA MAHAL) หรือ พระราชวังสายลม สร้างในปีคริสต์ศักราชที่ 1799 จุดเด่นของสถาปัตยกรรมแห่งนี้คือบริเวณด้านหน้าอาคารมีหน้าบันสูง 5 ชั้น และมีลักษณะคล้ายรังผึ้ง อันประกอบไปด้วยหน้าต่างขนาดเล็ก ที่ตกแต่งด้วยลวดลายฉลุเป็นช่องลมจำนวน 953 บาน ซึ่งได้มีการถอดแบบมาจากรูปทรงของมงกุฎพระนารายณ์และหน้าต่างแต่ละบานนั้นมีไว้สำหรับให้บรรดาเหล่าสตรีนางในที่มาชมบรรยากาศภายนอกวัง หรือชมขบวนพิธีต่างๆ รวมไปถึงการเฝ้าส่งกษัตริย์ยามมีสงครามและต้องจัดทัพออกศึก
นำท่านเที่ยวชม พระราชวังซิตี้พาเลซ (CITY PALACE) ถูกสร้างขึ้นในรัชกาลของมหาราชาจัย ซิงห์ และถูกต่อเติมเรื่อยมา เป็นสถาปัตยกรรมแบบราชาสถาน ที่มีกลิ่นอายศิลปะแบบโมกุล พระราชวังแห่งนี้ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ของเมืองชัยปุระ ที่แสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ของมหาราชาแห่งเมืองชัยปุระ ในปัจจุบัน ถึงแม้จะไม่มีมหาราชาแล้ว แต่พระราชวังแห่งนี้ยังถือว่าเป็นสมบัติส่วนพระองค์ และชาวเมืองชัยปุระบางส่วนก็ยังเคารพนับถือพระองค์ แม้พระองค์จะไม่มีอำนาจหลงเหลือแล้วก็ตาม
นำท่านเที่ยวชม พระราชวังสีอำพัน (Amber Fort) ซึ่งอดีตเคยเป็นราชธานีแห่งเมืองชัยปุระ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาสูงเหนือทะเลสาบเมาตา (MAOTA LAKE) และรายล้อมไปด้วยชุมชนของเขต เมืองเก่า เดิมทีสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่า ในยุคศตวรรษที่ 11 โดยพระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี คริสต์ศักราช 1592 โดย มหาราชาแมน ซิงห์ แล้วเสร็จในรัชกาลของมหาราชาใจ ซิงห์ ป้อมปราการแห่งนี้ยังถือได้ว่าเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมราชปุต (RAJPUT)
ทัวร์บริการ นั่งรถจี๊ปตอนขึ้น-ลงเขา สู่พระราชวังสีอำพัน AMBER FORTแล้ว หากลูกค้าท่านใดต้องการขี่ช้าง (ไม่รวมในค่าทัวร์)
โปรดแจ้งหัวหน้าทัวร์ และชำระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 25 USD / 1000 บาท (รวมทิปคนขี่ช้าง)
กลางวัน รับประทานอาหาร
จากนั้นออกเดินทางไปยังเดลี ใช้เวลานั่งรถ 5-6 ชั่วโมง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่ร้านอาหารในเมืองเดลี
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิราคานธี นครเดลี
23.30 ออกเดินทางกลับประเทศไทยโดยสายการบิน TG316
05.25 น.** ถึง สนามบินสุวรรณภูม โดยสวัสดิภาพ **เวลาท้องถิ่นประเทศไทย
หมายเหตุ
**โปรแกรมการเดินทางและมื้ออาหารที่ระบุในโปรแกรม อาจจะมีการสลับปรับเปลี่ยนขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเป็นหลัก รบกวนแจ้งเซลล์ก่อนทำการจองทุกครั้งเพื่ออัพเดทโปรแกรม ณ ปัจจุบัน ในวันนั้นๆโดยจะคำนึงถึงประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ**
***ในกรณีที่ลูกค้าต้องออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ (เครื่องบิน ,รถทัวร์ ,รถไฟ) กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เพื่อเช็คว่ากรุ๊ปมีการคอนเฟิร์มเดินทางก่อนทุกครั้ง เนื่องจากสายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟล์ทบิน หรือเวลาบิน โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ในกรณี ถ้าท่านออกตั๋วภายในโดยไม่แจ้งให้ทราบและหากไฟล์ทบินมีการปรับเปลี่ยนเวลาบิน เพราะถือว่าท่านยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าว***
กำหนดการ : 27 ต.ค.-05 พ.ย. , 10-19 พ.ย. | ||
---|---|---|
ลักษณะการเข้าพัก | ราคาทัวร์ รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) | ราคาทัวร์ ไม่รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) |
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ | 43,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน ราคาท่านละ | 43,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง) ราคาท่านละ | 43,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่มีเตียง) ราคาท่านละ | 43,900 | - |
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยว ราคาท่านละ | 53,440 | - |
ผู้ใหญ่ 3 ท่าน พัก 1 ห้อง ราคาท่านละ | 43,900 | - |
กำหนดการ : 03-12 พ.ย. | ||
---|---|---|
ลักษณะการเข้าพัก | ราคาทัวร์ รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) | ราคาทัวร์ ไม่รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) |
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ | 44,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน ราคาท่านละ | 44,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง) ราคาท่านละ | 44,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่มีเตียง) ราคาท่านละ | 44,900 | - |
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยว ราคาท่านละ | 54,440 | - |
ผู้ใหญ่ 3 ท่าน พัก 1 ห้อง ราคาท่านละ | 44,900 | - |
กำหนดการ : 03-12 ธ.ค. | ||
---|---|---|
ลักษณะการเข้าพัก | ราคาทัวร์ รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) | ราคาทัวร์ ไม่รวมตั๋ว(บาท/ท่าน) |
ผู้ใหญ่ พักห้องคู่ ราคาท่านละ | 45,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน ราคาท่านละ | 45,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (มีเตียง) ราคาท่านละ | 45,900 | - |
เด็ก พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่มีเตียง) ราคาท่านละ | 45,900 | - |
ผู้ใหญ่ ต้องการพักห้องเดี่ยว ราคาท่านละ | 56,140 | - |
ผู้ใหญ่ 3 ท่าน พัก 1 ห้อง ราคาท่านละ | 45,900 | - |
เดือนตุลาคม 68 | ผู้ใหญ่ | เด็ก | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
วันที่เดินทาง | พักคู่ ท่านละ | พักเดี่ยว ท่านละ | พักสาม ท่านละ | เด็ก ท่านละ | มีเตียง ท่านละ | ไม่มีเตียง ท่านละ |
43,900 | 53,440 | 43,900 | 43,900 | 43,900 | 43,900 |
เดือนพฤศจิกายน 68 | ผู้ใหญ่ | เด็ก | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
วันที่เดินทาง | พักคู่ ท่านละ | พักเดี่ยว ท่านละ | พักสาม ท่านละ | เด็ก ท่านละ | มีเตียง ท่านละ | ไม่มีเตียง ท่านละ |
44,900 | 54,440 | 44,900 | 44,900 | 44,900 | 44,900 | |
43,900 | 53,440 | 43,900 | 43,900 | 43,900 | 43,900 |
เดือนธันวาคม 68 | ผู้ใหญ่ | เด็ก | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
วันที่เดินทาง | พักคู่ ท่านละ | พักเดี่ยว ท่านละ | พักสาม ท่านละ | เด็ก ท่านละ | มีเตียง ท่านละ | ไม่มีเตียง ท่านละ |
45,900 | 56,140 | 45,900 | 45,900 | 45,900 | 45,900 |